วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การติดตั้ง MySQL สำหรับ Windows 7

Step 1: Download and Install MySQL


เริ่มต้นไปยังลิงค์ http://dev.mysql.com/downloads/ จะไปหน้าเว็บตามรูปที่ 1 จากนั้นคลิกลิงค์ MySQL on Windows

รูปที่ 1

ตามรูปที่ 2 ให้คลิกลิงค์ MySQL Installer

รูปที่ 2

จากรูปที่ 2.1 ให้คลิกลิงค์ที่ MySQL Server

รูปที่ 2.1

ตามรูปที่ 3 ให้กดปุ่ม Download ซึ่งกรณีนี้จะเป็นการ Download .zip ไฟล์

รูปที่ 3

ถ้ายังไม่มี User Login จะ Download ไม่ได้นะครับ ไปกด Register ตามรูปที่ 4 ก่อน

รูปที่ 4 

เมื่อเราได้ไฟล์มาแล้วให้ทำการแตกมันออกมา ไว้ใน Path ที่เราต้องการ

รูปที่ 5 

ตามรูปที่ 6 แสดงผลของการแตก .zip ไฟล์

รูปที่ 6


Step 2: Create the Configuration File


ให้เราเปิดโปรแกรม text editor (เช่น NodePad++) และสร้างไฟล์ชื่อ "my.ini" และให้บันทึกลงใน Path ที่เรา unzip ไฟล์ MySQL ตาม Step 1 บรรทัดที่เริ่มต้นด้วย # เป็นการเขียน comments

ข้อสำคัญ: ให้แก้ไขส่วนที่ highlighted ให้ตรงกับ Path ที่เรา unzip ไฟล์ตาม step 1 !!!
# Save as "my.ini" in your MySQL installed directory (e.g. c:\mysql-5.6.21-winx64)
[mysqld]
# Set MySQL base (installed) directory
# @@ Change to your MySQL installed directory @@
# Use forward slash (instead of backward slash) as directory separator
basedir=c:/mysql-5.6.21-winx64
# Set MySQL data directory
# @@ Change to sub-directory "data" of your MySQL installed directory  @@
datadir=c:/mysql-5.6.21-winx64/data

# Run the server on this TCP port number
port=8888
   
[client]
# MySQL client connects to the server running on this TCP port number
port=8888

Step 3: Start the Server


จากรูปที่ 7 แสดงให้เห็นว่า MySQL เป็นระบบการทำงานแบบ client-server โดยเราจะใช้คำสั่ง "mysqld --console" ในการ start server ส่วนการใช้งานเราจะใช้คำสั่ง  "mysql" ในการติดต่อเพื่อใช้งานฐานข้อมูล MySQL Server 

รูปที่ 7

การ Start MySQL ด้วย command line


ให้เราเปิด windows command ขึ้นมาแล้ว cd เข้าไปยัง Path ที่เราวาง .zip ไฟล์ ตามรูปที่ 6 เราจะเห็นโฟลเดอร์ bin ให้ cd เข้าไปแล้วพิมพ์ mysqld --console แล้วกด enter
จะได้ผลการ start ตามรูปที่ 8 และพร้อมให้ client ติดต่อเพื่อใช้งานได้

รูปที่ 8


การ Stop MySQL ด้วย command line

ให้เรากดปุ่ม Ctrl+c เพื่อ shutdown ได้เลย 
หรือให้เราเปิด windows command ขึ้นมาแล้ว cd เข้าไปยัง Path ที่เราวาง .zip ไฟล์ ตามรูปที่ 6 เราจะเห็นโฟลเดอร์ bin ให้ cd เข้าไปแล้วพิมพ์ mysqladmin -u root shutdown แล้วกด enter จะได้ผลการ start ตามรูปที่ 9 

ข้อระวังไม่ควรปิด windows commad เลยโดยที่ยังไม่ได้ shutdown

รูปที่ 9

Step 4: Start a Client

เมื่อทำการ start server แล้ว เราสามารถใช้ client ติดต่อบ database server ได้มากกว่า 1 client และยังสามารติดต่อโดยตรงผ่าน local หรือ remote ผ่าน network จากเครื่องอื่นๆก็ได้ ซึ่งการติดต่อกับ MySQL Server ต้องมีการระบุ username และ password แต่โดย default เราจะมี superuser ไว้ใช้งานได้เลยซึ่งมี username ชื่อ "rootและ password เป็นค่าว่าง (ไม่ควรใช้ในงานจริง)
   

MySQL ได้เตรียมโปรแกรม client ไว้ให้เราแล้วโดยใช้คำสั่ง  "mysql" ดังข้างล่าง 

ให้ทำการเปิดหน้าต่าง windows command ขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้รันโปรแกรม client:
-- Change the current directory to <MYSQL_HOME>\bin.
-- Assume that the MySQL is installed in "d:\myProject\mysql".
Prompt> c:                       -- Change the current drive
c:\...> cd \mysql-5.6.21-winx64\bin  -- Change Directory to YOUR MySQL's "bin" directory
   
-- Start a client with superuser "root"
c:\mysql-5.6.21-winx64\bin> mysql -u root -p
Enter password:     // Hit "Enter" key for empty password set in installation 
Welcome to the MySQL monitor.  Commands end with ; or \g.
Your MySQL connection id is 1
Server version: 5.1.39-community MySQL Community Server (GPL)
Type 'help;' or '\h' for help. Type '\c' to clear the current input statement.

-- Client started. The prompt changes to "mysql>".
-- You can now issue SQL commands.
mysql>

ให้ลองทดสอบการใช้งานเบื้องต้น
mysql> status
--------------
mysql  Ver 14.14 Distrib 5.1.51, for Win32 (ia32)
......
Current user:           root@localhost
TCP port:               8888    -- for Windows only
......



วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การพัฒนาโปรแกรม Java ด้วย Eclipse IDE (Windows 64-bit)




บทความนี้เป็นการติดตั้งการใช้งาน Eclipse IDE version KEPLER 4.3 ซึ่งต้อง Setup Development Environment สำหรับ Java Developer ก่อนนะครับถึงจะเริ่มต้นบทนี้

หลังจากเรา Setup Development Environment สำหรับ Java Developer แล้วก็เริ่มต้นไปยังลิงค์ http://www.eclipse.org/kepler/ จะเห็นตามรูปที่ 1 และกดที่ลิงค์ DOWNLOADS

รูปที่ 1

จะปรากฏตามรูปที่ 2 จากนั้นเลือกที่ลิงค์ Eclipse IDE for Java EE Developers

รูปที่ 2

จากรูปที่ 3 ให้เลือก Windows 64-bit

รูปที่ 3

จากรูปที่ 4 ให้เลือกลิงค์เพื่อ Download

รูปที่ 4


ซึ่งเมื่อ Download สำเร็จแล้วจะได้ไฟล์มาเป็นนามสกุล .zip ให้วางใน Path ที่ต้องการแล้ว unzip ออกจะได้ตามรูปที่ 5 ซึ่งจะมีไฟล์ eclipse.exe ให้คลิีก mouse ขวาและเลือก Open เพื่อเปิดใช้งาน

รูปที่ 5


เมื่อเปิดใช้งานเราจะต้อง set Path สำหรับ Project ที่เราจะเก็บไว้ให้กดปุ่ม Browse... เพื่อเลือก Path ที่ต้องการหรือจะใช้ Path เดิมๆ ก็ได้แล้วกดปุ่ม OK

รูปที่ 6


จะปรากฏหน้าต่าง Eclipse IDE ขึ้นมาให้ใช้งานต่อไป

รูปที่ 7




ผู้เขียน: procodeblog

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การ Setup Development Environment สำหรับ Java Developer

โปรแกรมภาษา Java นั้นแบ่งได้เป็น 2 distributions คือ
  •  The Java Runtime Environment (JRE)
  •  The Java Development Kit (JDK)
JRE ประกอบด้วย JVM และ core libraries ซึ่งจำเป็นสำหรับการรัน bytecode
ส่วน JDK ประกอบด้วย JRE, Java compiler (javac) และ tools ต่างๆ – หลักๆ ก็ใช้สำหรับเขียน และ complie Java programs
ก่อนที่จะเริ่ม compile และรัน Java programs ต้อง download และลงโปรแกรม JDK ก่อนนะครับ แล้วยังต้อง config พารามิเตอร์บางอย่างใน system environment ก่อนด้วย การที่เราต้องทำแบบนี้ทำให้การเขียนโปรแกรมภาษา Java ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ ผมก็เป็นมาก่อน ซึ่งต่างจาก .NET ของ Microsoft ลง Visual Studio แล้วใช้ได้เลย เวอร์ชั่นปัจจุบันเป็น Java 8 นะครับ เริ่มกันเลย
1. เปิด http://www.oracle.com/technetwork/java/javase/downloads/index.html จะเห็นหน้าจอตามรูปที่ 1 ครับ

รูปที่ 1


2. กดปุ่ม DOWNLOAD ตามรูปที่ 2

รูปที่ 2


3. จากรูปที่ 3 ให้เลือก Accept License Agreement

รูปที่ 3


4. เลือกจาก OS ที่ใช้ ตามรูปที่ 4

รูปที่ 4


การลง JDK version 8 สำหรับ Windows 7 64 bit

รูปที่ 5


เมื่อเลือกเปิดไฟล์ jdk-8u25-windows-x64.exe ที่เรา download มาจะเห็นตามรูปที่ 5 ให้กดปุ่ม Next >

รูปที่ 6


ตามรูปที่ 6 ให้กดปุ่ม Next > (ถ้าต้องการเปลียน Path โปรแกรมให้กดปุ่ม Change เพื่อเปลียนได้ตามต้องการ)
และรอตามรูปที่ 7

รูปที่ 7


รูปที่ 8


จากรูปที่ 8 ให้กดปุ่ม Next >  (ถ้าต้องการเปลียน Path โปรแกรมให้กดปุ่ม Change เพื่อเปลียนได้ตามต้องการ)
และรอตามรูปที่ 9

รูปที่ 9



รูปที่ 10


ตามรูปที่ 10 เสร็จสิ้นการลง JDK


ขั้นตอนต่อไปเป็นการ Set Environment 

สำหรับ Windows 7 64 bit

รูปที่ 11


จากรูปที่ 11 ให้ไปที่ start menu คลิีก mouse ขวา ที่ Computer และเลือก เมนู Properties จะเปิดหน้าต่างตามรูป 11.1 และให้เลือกเมนู advanced system settings

รูปที่ 11.1


จะได้ตามรูป 11.2 จากนั้นให้กดปุ่ม Environment Variables…

รูปที่ 11.2


ปรากฏตามรูป 11.3 ให้เลือก Path ที่ System variables และกดปุ่ม Edit…

รูปที่ 11.3


จากรูปที่ 11.4 ให้ copy path ที่เราลง JDK (C:\Program Files\Java\jre1.8.0_25\bin) มาใส่ใน Variable value แล้วกดปุ่ม OK

รูปที่ 11.4


เป็นอันเสร็จสิ้นการ Set Envirionment สำหรับ Windows 7 64 bit
ต่อไปเป็นการทดสอบผลการลงโปรแกรม และ set Environment


การทดสอบผลการลงโปรแกรม และ set Environment

ให้เปิด command window และทดสอบพิมพ์ javac กดปุ่ม enter จะได้ผลตามรูปที่ 12

รูปที่ 12


รูปที่ 13


ทดลองเขียน code java ตามรูปที่ 13 บันทึกไว้ใน Path ที่ต้องการ ชื่อไฟล์ HelloWorld.java

รูปที่ 14


ไปที่ command window และ cd ไปยัง Path ที่เรา save ไฟล์ไว้ จากนั้นพิมพ์ javac HelloWorld.java เพื่อ complie file Java ให้เป็น .class ซึ่งเป็น bytecode ได้ผลตามรูปที่ 15

รูปที่ 15


รูปที่ 16


จากนั้นลอง รัน Java bytecode ซึ่งเป็น .class ด้วยคำสั่ง java HelloWorld และกดปุ่ม enter จะได้ผลตามรูปที่ 16
เป็นอันจบการทดสอบ จากตรงนี้เราสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java ได้แล้วซึ่งจะใช้โปรแกรม Notepad ก็ได้แต่ถ้าจะให้ชีวิตง่ายขึ้นก็ควรใช้ Tools นั้นคือ Eclipse หรือ NetBean IDE ซึ่งเป็นที่นิยมกันในการเขียนโปรแกรม

เพิ่มเติม
ผู้เขียน: procodeblog

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การใช้ FlashGet (เครื่องมือดาวน์โหลด)

เข้าไปที่ flashget ไปสู่เว็บตามรูปด่านล่าง

เริ่มจากลงโปรแกรม

รูปที่ 1 


ปัจจุบันที่เขียนจะเป็น V3.7 กดปุ่ม Download ได้เลย


เมื่อ Download สำเร็จแล้วให้เริ่มลงโปรแกรมจะขึ้นหน้าต่างตามรูปที่ 2

รูปที่ 2


กดปุ่ม Next > เพื่อทำต่อ จะเห็นตามรูปที่ 3

รูปที่ 3


อ่านก่อนก็ได้นะถ้าขยัน จากนั้นกดปุ่ม I Agree แต่ถ้าอ่านแล้วเคืองก็กดปุ่ม Cancel เพื่อยกเลิกการลงโปรแกรม ^^ ถ้า Agree จะเป็นตามรูปที่ 4

รูปที่ 4


เลือกตามรูปที่ 4 ได้ไม่มีไรมากแล้วกดปุ่ม Next > จะได้ผลตามรูปที่ 5

รูปที่ 5


รูปที่ 5 ให้เลือก Path ที่ต้องการจะลงกดปุ่ม Browse... เพื่อเลือก Path ใหม่หรือใช้ของเดิมก็ได้ไม่มีไรมาก จากนั้นให้กดปุ่ม Next > ไปดูรูป 6 ต่อ

รูปที่ 6


รอครับไม่นานมาก แพร๊บเดียว ^^ จะได้ตามรูปที่ 7

รูปที่ 7


ลงเสร็จมันจะ Auto Pop up ขึ้นมาให้เลือก Path เวลาเรา Download แล้วให้เก็บไว้ที่ไหน แค่กด Browser... เพื่อเปลี่ยน Path หรือใช้ของเดิมก็โอเค ไม่มีไรมาก ถ้าเลือก Path เสร็จกดปุ่ม OK เพื่อเริ่มใช้งาน

เริ่มใช้งาน FlashGet

จากรูปที่ 8 แค่ Copy Url ที่ต้องการ Download มาวางตรงช่อง URL กดปุ่ม Download แล้วรอเป็นอันใช้ได้

รูปที่ 8

รูปที่ 9 ตัวอย่างการ Download

จบ

ผู้เขียน: procodeblog